Last updated: 4 พ.ค. 2566 | 492 จำนวนผู้เข้าชม |
อายุเริ่มมากขึ้นปัญหาต่าง ๆ ก็เริ่มตามมาโดยเฉพาะปัญหาบนใบหน้าที่เห็นได้ชัดเจนเนื่องจากร่างกายผลิตคอลลาเจน และอิลาสตินได้น้อยลงซึ่ง 2 สารนี้เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผิวกระชับ มีความยืดหยุ่น เมื่อผลิตได้น้อยลงก็ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมาบนใบหน้าซึ่งการลิฟต์หน้าจะช่วยให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป
ลิฟต์หน้าคืออะไร ?
ลิฟต์หน้า หรือ การยกกระชับใบหน้า ซึ่งเป็นการช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของผิวหนังหย่อนคล้อยปัจจุบันมีมากมายหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรม การใช้เครื่องมือต่าง เช่น Ice Hifu, Duet V หรือการฉีดที่ทุกคนรู้จักกันดีคือโบท็อกแต่รู้ไหมยังมีการฉีดอีกชนิดที่น้อยคนนักจะรู้ว่าสามารถฉีดเพื่อยกกระชับได้เหมือนกันซึ่งได้ผลดีกว่า และสามารถอยู่ได้นานกว่าคือการฉีดฟิลเลอร์นั่นเองซึ่งมีแพทย์น้อยคนที่สามารถฉีดได้เพราะเป็นหัตถการที่ต้องใช้เทคนิค และประสบการณ์ที่มากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาตามที่ต้องการ และปลอดภัย
การฉีดลิฟต์หน้าโดยใช้ฟิลเลอร์คืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ลิฟต์หน้า คือการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA เข้าไปบริเวณขมับจนถึงชั้นเนื้อเยื่อ SMAS ซึ่งอยู่ลึกกว่าชั้นไขมันเราเรียกเทคนิคการฉีดนี้ว่า SUPER SMAS LIFT ซึ่งตัวฟิลเลอร์จะถูกเข้าไปเติมเต็มเนื้อเยื่อในชั้น SMAS ที่หดหายไปเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ซึ่งตัวฟิลเลอร์จะดันให้ชั้นไขมัน และผิวหนังกลับขึ้นไปทำให้สามารถแก้ปัญหาหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัดเจน และรูปหน้าไม่ได้สัดส่วนได้อีกด้วย
นอกจากช่วยแก้ปัญหาบนใบหน้าต่าง ๆ แล้วการฉีดฟิลเลอร์ลิฟต์หน้ายังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนมากขึ้น และด้วยคุณสมบัติของสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำทำให้ผิวชุ่มชื้นไม่เกิดริ้วรอยขึ้นง่ายอีกด้วย
SMAS คือ ?
SMAS ย่อมาจาก Superficial Musculo Aponeurotic system เป็นชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง และไขมัน ชั้นผิว SMAS จะมีคอลลาเจนที่เกาะกันเป็นเส้นใยซึ่งมีความแข็งแรง และทนทาน
โดยปกติชั้นผิวของเราจะมีอยู่ 3 ชั้นด้วยกันคือ
ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นชั้นที่อยู่นอกสุด มีหน้าที่ปกป้องผิวเราจากมลพิษ แบคทีเรียและช่วยในการกักเก็บน้ำ
ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นชั้นที่อยู่ภายในต่อจากชั้นผิวหนังซึ่งมีความหนา และความยืดหยุ่น ทั้งยังมีอิลาสติน ซึ่งทำหน้าที่ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และเต่งตึง
ชั้นไขมัน (Subcutis) เป็นชั้นที่อยู่ต่อจากหนังแท้ประกอบด้วย โปรตีน คอลลาเจน หลอดเลือดต่างๆ และเซลล์ไขมันซึ่งจะอยู่กันเป็นก้อน ทำหน้าที่กักเก็บพลังงาน และเป็นเบาะรองรับแรงกระแทกไม่ให้เข้าสู่อวัยวะภายใน
ซึ่งชั้นเนื้อเยื่อ SMAS จะอยู่ต่อจากชั้นไขมันเนื้อเยื่อชั้นนี้มีความสัมพันธ์กับ ผิวหนัง และชั้นไขมันด้านบนซึ่งเมื่อเกิดการยุบตัวเนื่องจากอายุที่มากขึ้นจะส่งผลทำให้ผิวหนังเกิดการหย่อนคล้อย
ฟิลเลอร์ลิฟต์หน้าอันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ลิฟต์หน้าเป็นวิธีที่แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยบนใบหน้าได้อย่างตรงจุด ปลอดภัย เห็นผลไว ไร้สารตกค้าง ไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกาย เนื่องจากตัวฟิลเลอร์ เป็นสาร Hyaluronic Acid หรือ HA ซึ่งมีความใกล้เคียงกับสารที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์ทำให้สามารถสลายไปเองได้ 100% แต่ต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ได้กับรับรองจากU.S.FDA และอย. โดยต้องฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ซึ่งทาง Paragon Clinic เลือกใช้ฟิลเลอร์ของ Restylane แบรนด์อันดับ 1 ของโลก และ e.p.t.q. ซึ่งเป็นเป็นแบรนด์พรีเมียมล่าสุดจากเกาหลี
โดยมีนายแพทย์อภิวัฒน์ มงคลสินธุ์ (คุณหมอเด่น) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านการแก้ไข และออกแบบรูปหน้า (Fill&Remove Facial Design) มากกว่า 15 ปี ซึ่งคุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าผิวหน้าที่หย่อนคล้อยของคุณจะหายไปขึ้นทันทีหลังการฉีดโดยที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ลิฟต์หน้าเหมาะกับใคร ?
การฉีดฟิลเลอร์ลิฟต์หน้าเหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่มีความกังวลใจเกี่ยวกับรูปหน้าไม่ได้สัดส่วน กรอบหน้าไม่ชัด ใบหน้าหย่อนคล้อย รวมไปถึงคนที่ไม่ค่อยมีเวลาพักฟื้นเนื่องจากมีภาระที่ต้องดูแล และคนที่เคยทำการยกกระชับจากเครื่องมาแล้วแต่ยังไม่พึงพอใจก็สามารถฉีดฟิลเลอร์เสริมเข้าไปอีกเพื่อให้ใบหน้ายกกระชับมากขึ้น
ฟิลเลอร์ลิฟต์หน้าใช้กี่ ซีซี ?
โดยปกติคุณหมอของ Paragon Clinic จะใช้ฟิลเลอร์เพียง 1 ซีซี เท่านั้นโดยคุณหมอเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านออกแบบรูปหน้า (Fill & Remove Facial Design) ซึ่งจะคำนวณปริมาณที่เหมาะสม และคุ้มค่าที่สุดในทุกการฉีดให้กับทุกคน
อยากหน้ากระชับกลับมาดูเด็กฉีดฟิลเลอร์ลิฟต์หน้ารุ่นไหนดี?
Restylane รุ่น Lyft กล่องสีขาวฟ้า
เป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการลิฟต์หน้ามาก เพราะ เป็นรุ่นที่มีแรงยกกระชับที่สูงทำให้สามารดึงผิวหน้าที่หย่อนคล้อยลงไปข้างล่างให้กลับขึ้นมาข้างบนได้เป็นอย่างดี โดยตัวฟิลเลอร์รุ่นนี้ยังมีการคงตัวที่สูงทำให้เวลาฉีดไปแล้วไม่เปลี่ยนรูป ไม่เปลี่ยนสภาพ และไม่ไหลเป็นก้อนอีกด้วย ซึ่งรุ่นนี้ยังมียาชาภายในตัวทำให้สามารถลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีดได้เป็นอย่างมาก และสามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
e.p.t.q รุ่น S 500 กล่องสีน้ำเงิน
e.p.t.q รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่เนื้อฟิลเลอร์หนาแน่นที่สุด ทำให้เหมาะกับการฉีดลิฟต์หน้าเพื่อยกกระชับเป็นอย่างมากเพราะนอกจากเนื้อฟิลเลอร์ที่หนาแน่นจะช่วยคงสภาพให้ฟิลเลอร์ไม่เปลี่ยนรูป ไม่เปลี่ยนสภาพ ไม่ไหลเป็นก้อนแล้วตัว e.p.t.q S500 ยังมีปริมาณมากกว่าแบรนด์อื่นถึง 1.1/ml ทำให้สามารถเติมเต็มได้มากกว่า โดยในรุ่นนี้ยังมียาชาภายในตัวทำให้สามารถลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีดได้เป็นอย่างดี สามารถอยู่ได้นาน 8-12 เดือน
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อก แบบไหนดีกว่ากัน ?
การฉีดลิฟต์หน้าด้วยฟิลเลอร์จะมีข้อดีอยู่ที่มีแรงยกกระชับที่มากกว่า และมีระยะเวลาที่อยู่ได้นานกว่าส่วนโบท็อกจะมีข้อดีคือสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า และสามารถฉีดได้ครอบคลุมทุกจัดทั่วทั้งบริเวณใบหน้า ซึ่งจะเห็นได้ว่าการลิฟต์หน้าแต่ละแบบก็จะมีข้อดีที่แตกต่างกันไปจะเลือกลิฟต์หน้าแบบไหนก็แล้วแต่ปัญหา และความชอบของแต่ละบุคคล
ฉีดลิฟต์หน้าด้วยฟิลเลอร์ ทำไมต้องที่ Paragon Clinic
Paragon Clinic ของเราเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ทั้งยังมีแพทย์ผู้ที่ชำนาญมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์มาอย่างมากมาย และหลากหลายเคส การันตีด้วยรางวัล “คลินิกที่มียอดที่มียอดใช้ฟิลเลอร์ e.p.t.q. สูงสุดในประเทศปี 2021”นอกจากนี้ยังได้รับ“รางวัลคลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์ สูงติดอันดับ 1 ใน 10 ประจำปี 2565’ จาก Galderma Aesthetics Thailand” ทั้งแพทย์ของเรายังเชี่ยวชาญด้าน Fill & Remove Facial Design ซึ่งเป็นการประเมิน และออกแบบรูปหน้าของคุณ เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนรูปหน้าคุณให้ดูสวย มีความเป็นเฉพาะตัวเด่นไม่ซ้ำใคร และดูลงตัวอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้เทคนิค Super Smas Lift ในการช่วยยกกระชับใบหน้าของคุณ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของทาง Paragon Clinic คุณจึงจะสามารถมั่นใจได้เลยว่าปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยของคุณจะถูกแก้ไขได้ตรงจุด น่าพึงพอใจ และปลอดภัยในทุกขั้นตอนอย่างแน่นอน
เคสรีวิว
เคสคุณนายอายุ 70 ปี มีปัญหาร่องใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ผิวเหี่ยวหย่อนคล้อยขาดการเติมเต็มซึ่งคุณหมอเด่นใช้ฟิลเลอร์เพียง 6 ซีซีปรับทั้งหน้า ได้แก่
ซึ่งสามารถสังเกตเห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการฉีดได้อย่างชัดเจนว่าพื้นที่บริเวณบนใบหน้าดูเต็ม ทำให้ดูเด็กมากยิ่งขึ้น
12 ต.ค. 2566
27 ต.ค. 2566